อยากรวย ทำอย่างไร
อยากรวย ทำอย่างไร |
“อยากรวย ทำอย่างไร” เชื่อ
ว่าหลายคนคงเคยมีคำถามนี้อยู่ในใจ
แต่อาจมีเพียงไม่กี่คนที่มีการคิดตั้งเป้าหมาย
และวางแผนการสร้างความร่ำรวยอย่างจริงจัง
การสร้างความร่ำรวยนั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิด ปัจจุบัน
มีเครื่องมือทางการเงินต่างๆ ทั้งตราสารทางการเงิน และกองทุนหลายชนิด
ที่ช่วยให้เราสามารถลงทุนสร้างฐานะและความร่ำรวยขึ้นมาได้
บทความนี้จะมีสี่ขั้นตอนที่ใครๆ ก็สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างง่ายๆ
เพื่อความมั่งคั่ง และร่ำรวยอย่างยั่งยืนในอนาคต
ขั้นตอนแรก ระบุจำนวนเงินเป้าหมาย
เมื่อเราคิดอยากจะรวยนั้น ก่อนอื่นต้องกำหนดเป้าหมายออกมาเสียก่อนว่า “รวย” ของ
เราเนี่ย จะต้องมีเงินซักกี่ล้านบาท โดยมีแนวคิดง่ายๆ ว่า
เมื่อเรารวยมีเงินก้อนใหญ่แล้ว
จะเก็บดอกกินผลจากเงินก้อนนั้นประมาณเดือนละเท่าไหร่
และจะใช้เวลากี่ปีที่จะสะสมจนมีเงินจำนวนนั้น ตัวอย่างเช่น
ถ้าเราคิดว่าอยู่เฉยๆ แล้วมีเงินใช้เดือนละ 5 หมื่น
บาท ก็ถือว่ารวยแล้ว เราสามารถคำนวณกลับไปได้ว่าจะต้องมีเงินต้นเท่าไหร่
หากลงทุนในพวกหุ้นกู้เป็นส่วนใหญ่เพื่อคาดหวังรายรับที่แน่นอนที่ 4% ต่อปี ก็จะคำนวณได้จากสูตร
ในกรณีนี้ ให้นำ 50,000 บาทต่อเดือน x 12 เดือน แล้วนำมาหาร 4% หรือ 0.04 จะได้เงินต้น หรือจำนวนเงินที่ต้องมีอยู่ที่ 15 ล้านบาท
ขั้นตอนที่สอง กำหนดระยะเวลาสู่เป้าหมาย
เป้า
หมายทางการเงินเพื่อความร่ำรวยนี้
จะต้องมีการกำหนดระยะเวลาที่จะไปถึงเป้าหมายด้วย เช่น
เมื่อมีเป้าหมายต้องการเก็บออมหรือลงทุนให้ได้ 15 ล้านบาทแล้ว ให้กำหนดระยะเวลาที่ต้องการเพื่อไปถึงเป้าหมาย ซึ่งควรมีความเป็นไปได้ เช่น 25 ปีข้างหน้า
ขั้นตอนที่สาม เลือกพาหนะเดินทางที่เหมาะสม
เป้า
หมายเพื่อความร่ำรวยครั้งนี้จะสมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่อจำนวนเงินที่ต้องการกับ
ระยะเวลาในการเก็บออมนั้นมีความเป็นไปได้
ซึ่งเงินที่เราเก็บออมในแต่ละเดือนนี้ไม่ได้นำไปฝากในธนาคารเฉยๆ
แต่นำไปจัดพอร์ตทยอยลงทุนในตราสารทางการเงินต่างๆ เช่น ตราสารหนี้ หุ้น
และกองทุน เป็นต้น กรณีที่มีระยะเวลาในการออมยาวนาน
หรือเป้าหมายทางการเงินของเราสามารถยืดหยุ่นในด้านของระยะเวลาได้
เราก็สามารถจัดพอร์ตที่มีความเสี่ยงสูง เพื่อคาดหวังผลตอบแทนในระดับสูงได้
เช่น ต้องการร่ำรวยมีเงิน 15 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 25 ปี โดยจัดพอร์ตที่มีความเสี่ยงสูง มีหุ้นหรือกองทุนหุ้นอยู่ในพอร์ตเป็นส่วนใหญ่ ถ้าคาดหวังผลตอบแทนประมาณ 9% ต่อปี เราต้องออมเงินเดือนละ 13,381 บาท (15 ล้าน / 1,121 จากตาราง) ไปเป็นระยะเวลา 25 ปี ก็สามารถบรรลุเป้าหมาย 15 ล้านบาทได้แล้ว ซึ่งเงินออมรายเดือนนี้จะคำนวณได้จากสูตร
อย่าง
ไรก็ตาม หากมีระยะเวลาการออมเงินที่สั้น หรือรับความเสี่ยงได้ในระดับที่ต่ำ
ก็ควรจัดพอร์ตการลงทุนที่มีการลงทุนในตราสารหนี้เป็นส่วนใหญ่
ซึ่งจะมีความผันผวนที่ต่ำ
แต่ผลตอบแทนที่ได้รับก็ต่ำกว่าพอร์ตที่เน้นลงทุนในหุ้นด้วยเช่นกัน
กรณีที่มีจำนวนปีที่ออมเงินต่ำกว่า 5 ปี ควรนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนประมาณ 4% ต่อปี เมื่อครบกำหนดเวลาก็ได้เงินคืนครบพร้อมผลตอบแทนที่แน่นอน แต่กรณีที่จำนวนปีที่ออมเงินนานกว่า 20 – 30 ปี เช่น แผนเกษียณเพื่อใช้เงินในอีก 30 ปีข้างหน้า ก็สามารถนำเงินไปลงทุนในกองทุนที่มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นเป็นหลัก สามารถให้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 9 - 10% ต่อปีได้
ขั้นตอนที่สี่ ปฏิบัติตามแผนที่วางไว้
ใน
ขั้นตอนนี้ วินัยการออมและลงทุนเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุด
การที่พอร์ตการลงทุนของเรามีส่วนผสมเป็นหุ้นนั้นจะมีความผันผวนของมูลค่า
เงินลงทุนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อเราสามารถเก็บออมเงินได้เป็นก้อนใหญ่ๆ
แล้วเกิดวิกฤตเศรษฐกิจขึ้นทำให้ตลาดหุ้นซบเซาหรือตกต่ำลงไป
มูลค่าพอร์ตการลงทุนที่ทยอยสะสมมาจนมีขนาดใหญ่นั้นก็อาจทำให้รู้สึกว่าพบกับ
ภาวะขาดทุนหนักๆ เช่น พอร์ตการลงทุนของเรามีหุ้นผสมอยู่ 70% เมื่อเก็บสะสมเงินมาได้ถึง 10 ล้านบาทแล้ว เกิดภาวะวิกฤตขึ้น ทำให้ตลาดหุ้นร่วงลงไป 30% มูลค่าพอร์ตของเราก็อาจจะร่วงลงไปได้ถึง 21% (30% ของสัดส่วนในหุ้น 70% = 21% ของพอร์ตรวม) หรือเมื่อคิดเป็นตัวเงินจะมีมูลค่าถึง 2.1 ล้าน
บาทสำหรับพอร์ตสิบล้าน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในวันนั้นตลาดหุ้นจะซบเซา
และพอร์ตการลงทุนของเราจะขาดทุนหนักจนเราเสียกำลังใจในการดำเนินตามแผนการลง
ทุนที่วางเอาไว้ แต่ขอให้คิดเอาไว้ว่าแม้อยู่ในภาวะวิกฤต
การนำเงินมาลงทุนอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
และเป็นสิ่งที่ต้องทำเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่ได้วางเอาไว้
แม้ในระยะสั้นตลาดหุ้นมีความผันผวนของราคาที่ขึ้นและลงสูง แต่ในระยะยาว
การลงทุนในหุ้นจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความผันผวน
ของราคาต่ำกว่า
ความ
ต้องการเป็นคนรวยนั้นอาจจะเป็นความฝันของทุกคน
ซึ่งคนที่จะไปถึงความฝันได้นั้น
ต้องมีการตั้งเป้าหมายสำหรับความฝันเป็นตัวเลขจำนวนเงินให้ชัดเจนรวมทั้ง
ระยะเวลาไปสู่เป้าหมาย เปรียบได้กับเมื่อเราจะไปเที่ยว
เราก็ต้องตั้งเป้าหมายว่าเราจะไปเที่ยวที่ใด ต้องไปถึงเมื่อไหร่
จะเดินทางไปอย่างไร และการเดินทางใช้ยานพาหนะอะไรจึงจะเหมาะสม
ซึ่งยานพาหนะที่ใช้เดินทางเปรียบได้กับพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมาย
และความเสี่ยงของตัวเรา แม้ว่าระหว่างทางจะมีอุปสรรค
ก็ต้องไม่ท้อถอยในการปฏิบัติตามแผนออมและลงทุนให้ได้ตลอดเส้นทาง
แม้จะเป็นสิ่งที่ยาก แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถของผู้ที่ตั้งใจจริง
วันที่ 6 มีนาคม 2556 โดย วรินทร์ สุรพลชัยฝ่ายวางแผนและให้คำปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคล ธนาคารกสิกรไทย |
No comments:
Post a Comment